ไม่น่าเชื่อว่าการเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับที่อยู่อาศัยที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อลองพิจารณาดีๆแล้วก็นับเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจเลือกพอสมควร วันนี้ bTaskee ได้นำ 7 เคล็ดลับ การเลือกเครื่องปรับอากาศ ให้เหมาะสมกับความต้องการของทุกท่าน
เลือกประเภทของแอร์ให้เหมาะสม
แอร์สำหรับการใช้งานโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.แอร์สำหรับบ้านพักอาศัย เครื่องปรับอากาศแบบติดผนังขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับการใช้ตามบ้านเรือน หรือติดตั้งในห้องขนาดเล็ก ส่วนใหญ่จะเป็นแอร์ติดผนัง เพราะติดตั้งและดูแลรักษาง่าย หรือแอร์ตั้งพื้น ที่สามารถนำแอร์ไปวางได้ในพื้นที่ที่หลากหลาย แอร์ประเภทนี้สามารถทำความเย็นได้รวดเร็ว
2.แอร์เชิงพาณิชย์ เป็นเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ สามารถแบ่งย่อยได้อีกหลายรูปแบบ เช่น แบบฝังฝ้า ติดตั้งอยู่บนตัวฝ้าของเพดาน มีการปล่อยความเย็นออกมาจากตัวแอร์ 4 ทิศทาง เหมาะสำหรับใช้กับสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร หรือภายในอาคารที่มีพื้นที่กว้างขวาง
เลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง
ขนาดของเครื่องปรับอากาศ เรียกว่า BTU โดยควรเลือกให้เหมาะกับขนาดของห้องให้มากที่สุด หากเลือกต่ำไปจะทำให้แอร์ และคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป หรือถ้าเลือก BTU สูงไปคอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานน้อยเกิน และมีการตัดไฟบ่อย ทำให้ความชื้นในห้องสูงและประสิทธิภาพในการทำงานต่ำ จำนวนของ BTU ที่ควรเลือกใช้นั้นขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง (กว้าง x ยาว) และตัวแปรอื่นๆ เช่น ห้องโดนแดดหรือไม่โดนแดด ความสูงของเพดานห้อง จำนวนคนในห้อง เป็นต้น
เลือกแอร์ที่ประหยัดพลังงาน
ไม่ว่าจะซื้อแอร์ยี่ห้อไหนก็ควรเลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 โดยฉลากไฟเบอร์ 5 นั้นเป็นระดับที่ประหยัดไฟมากที่สุด รวมทั้งแอร์ที่มีค่า EER หรือ SEER สูง โดยค่า EER คือ ค่าประสิทธิภาพแอร์ในการใช้พลังงาน วัดจากความสามารถในการทำความเย็น (BTU/h) ต่อกำลังไฟที่ใช้ไป (W) ยิ่งแอร์มีค่า EER สูงก็ยิ่งกินไฟน้อย
ส่วนค่า SEER คือ ค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานตามฤดูกาลของเครื่องปรับอากาศ พูดง่ายๆ ก็คืออากาศภายนอกมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ ซึ่งใช้วัดกับแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) โดยถ้าค่า SEER สูง ก็ยิ่งกินไฟน้อยเช่นกัน
ปัจจุบัน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ออกฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 โฉมใหม่ ที่เรียกกันว่า เบอร์ 5 ติดดาว โดยแบ่งเกณฑ์ประสิทธิภาพเป็น 4 ระดับได้แก่ เบอร์ 5 / เบอร์ 5 1 ดาว / เบอร์ 5 2 ดาว / เบอร์ 5 3 ดาว โดยจำนวนดาวยิ่งมาก ยิ่งประหยัดไฟ
เลือกแอร์ที่มีการใช้งานทนทาน
อายุการใช้งานของแอร์เป็นหนึ่งในสิ่งที่ใช้ในการพิจารณาเลือกซื้อ เพราะทุกท่านคงไม่อยากให้อายุของแอร์ขึ้นอยู่แค่การใช้งานและดูแลรักษาให้ถูกวิธี แต่ควรขึ้นอยู่กับความทนทานของตัวเครื่องด้วย
เลือกแอร์ที่เสียงเบา ทำงานเงียบ
เสียงของแอร์อาจเป็นสิ่งที่รบกวนสมาธิ หรือการนอนหลับของคุณได้ โดยเฉพาะแอร์ที่ไม่ใช่ระบบ อินเวอร์เตอร์ เพราะคอมเพรสเซอร์จะถูกตัดเมื่ออุณหภูมิถึงระดับที่ตั้งไว้ และเริ่มการทำงานใหม่เมื่ออุณหภูมิห้องสูงขึ้น ทำให้เกิดเสียงดัง แตกต่างจากแอร์อินเวอร์เตอร์ ที่จะลดรอบมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ลงเพื่อให้อุณหภูมิคงที่ แทนที่จะจะตัดการทำงานแล้วเริ่มใหม่ ทำให้ไม่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ที่สำคัญคือการทำงานของเครื่องเงียบ ไม่เกิดไฟกระชาก
เลือกอายุการรับประกัน
แอร์ทุกชนิด มีบริการหลังการขาย (ยกเว้นแอร์มือสอง) และแต่ละร้านแอร์ย่อมจะชูจุดเด่นของแถมมากมาย เช่นเติมน้ำยาแอร์ฟรี เพราะฉะนั้นควรเลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีอายุการเปิดบริษัทมาแล้วยาวนาน เพราะนอกจากจะได้รับการติดตั้งแอร์จากผู้มีประสบการณ์แล้ว ยังได้รับบริการหลังการขายที่ยาวนานอีกด้วย
เลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เท่านั้น
การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะสามารถการันตีได้ว่า เครื่องปรับอากาศที่เราเลือกนั้นไม่กินไฟมาก และให้ประสิทธิภาพที่ดี แต่ถ้ามีการเปรียบเทียบซื้อเครื่องปรับอากาศ ที่มีฉลากเบอร์ 5 เหมือนกันและ BTU เท่ากัน ให้เลือกแอร์ที่มีค่า EER สูงกว่า เพราะค่า EER ของเครื่องปรับอากาศสามารถบ่งบอกถึงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน เลขยิ่งสูงยิ่งดี
แค่ 7 เคล็ดลับก็สามารถทำให้คุณได้เครื่องปรับอากาศเหมาะสมตามความต้องการ นอกจากจะประหยัดค่าไฟแล้วแถมยังได้เครื่องปรับอากาศตรงตามต้องการ แต่ต้องอย่าลืมว่าการจะประหยัดค่าไฟได้นอกจากการเลือกเครื่องปรับอากาศแล้ว การล้างแอร์ก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่ช่วยประหยัดค่าไฟที่ต้องทำเป็นประจำทุกปี bTaskee มีบริการล้างแอร์ โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ท่านใดที่สนใจสามารถจองบริการล้างแอร์ได้เลยที่แอปพลิเคชั่น bTaskee นะคะ