ล้างผัก อย่างไรให้ปลอดภัย? บทความนี้มีวิธีมาฝาก เพราะสารพิษไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การชำระล้างทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากเราไม่สามารถทราบได้เลยว่า ผักและผลไม้ที่เราซื้อมาจากตลาดสด ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือรถกับข้าวนั้นผ่านการปลูกด้วยกระบวนการใดบ้าง และมีการใช้สารเคมีในการป้องกัน และกำจัดศัตรูพืชมากแค่ไหน
ซึ่งเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ได้เปิดเผยข้อมูลเมื่อปลายปี 2563 ว่ามี ผักผลไม้กว่า 58.7% พบสารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน โดยมะเขือเทศผลเล็ก พริกขี้หนู พริกแดง ขึ้นฉ่าย คะน้า และองุ่นนำเข้า เป็นผักผลไม้ที่มีค่าสารพิษตกค้างมากที่สุด พี่บีจึงไปรวบรวมวิธีการล้างผักง่าย ๆ จากสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขมาฝากว่า ควรล้างอย่างไร? ต้องล้างนานแค่ไหน? และวิธีไหนจะช่วยขจัดสารพิษออกไปได้มากที่สุด!
1. ล้างผักด้วยวิธีปล่อยน้ำไหลผ่าน (ลดสารพิษ 25-63%)
ทำง่ายๆ เพียงนำผักและผลไม้ที่เราซื้อมา นำไปแช่น้ำประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นให้เปิดน้ำไหลความแรงพอประมาณ (อย่าแรงมากน้า ไม่งั้นน้องผักช้ำ) ตลอดการล้างให้เราคลี่ใบผักแต่ละชั้น และผลไม้ออกมาถูไปมาประมาณ 2 นาทีจ้า อาจจะใช้เวลาหน่อย แต่เพื่อความปลอดภัยเราต้องหมั่นทำทุกครั้งนะ
2. ล้างผักด้วยน้ำส้มสายชู (ลดสารพิษ 60-84%)
มองหาขวดน้ำส้มสายชูชนิด 5% ในห้องครัวแล้วหยิบออกมาเลยจ้า โดยเราจะใช้น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ (ตวงดีๆ นะ!) ผสมกับน้ำเปล่าปริมาณ 4 ลิตร คนให้เข้ากัน จากนั้นนำผักหรือผลไม้ที่เราต้องการล้าง มาแช่ลงไปยาวๆ 15 นาที แล้วค่อยนำขึ้นมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกหนึ่งรอบก็เป็นอันเรียบร้อย~
3. ล้างผักด้วยผงฟูหรือเบกกิ้งโซดา (ลดสารพิษ 90-95%)
วิธีสุดท้ายลดสารพิษได้เยอะสุดเลย! ง่ายๆ เพียงใช้ผงฟู หรือ เบกกิ้งโซดา (Sodium Bicarbonate) ปริมาณ 1/2 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา 10 ลิตร (ต้องหาหม้อใหญ่ๆ มาใส่หน่อยนะ) ละลายให้เข้ากัน จากนั้นนำผักและผลไม้ลงไปแช่ต่อ 15 นาที แล้วค่อยล้างด้วยน้ำสะอาดจ้า
อ่านวิธี ล้างผัก ครบแล้วทำตามไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ? แค่ใช้วัตถุดิบและอุปกรณ์ที่มีอยู่ในครัวบ้านเราเอง เพียงเท่านี้ผักและผลไม้ที่เราซื้อมาสารพิษก็จะลดลง กินแล้วปลอดภัยต่อร่างกายจ้า