ที่นอนเป็นพื้นที่ที่เราใช้เวลากับมัน 6- 8 ชั่วโมง ถือได้ว่าใช้เวลาเป็น 1 ใน 3 ของระยะเวลาหนึ่งวัน ดังนั้น วิธีการเลือกที่นอน ก็เป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม วันนี้ bTaskee นำความรู้เกี่ยวกับประเภทของที่นอนว่ามีอะไรบ้าง คุณสมบัติของแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้เลือกที่นอนได้ง่ายขึ้น
ที่นอนแบบสปริง (SPRING)
- ที่นอนสปริง
เป็นที่นอนประเภทที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เพราะมีความยืนหยุ่น คืนตัวได้ดี ที่สำคัญการยุบตัวของที่นอน สามารถเข้ากับสรีระของร่างกายได้อย่างพอเหมาะ ไม่ว่าจะนอนหงาย ชอบนอนตะแคง ก็ไม่ทำให้เกิดการกดทับ และช่วยลดอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ อีกด้วย
ที่นอนแบบฟองน้ำ (FOAM)
- ที่นอนฟองน้ำ
เป็นที่นอนอีกแบบที่มีความนุ่มมาก ๆ แต่ไม่มีความยืดหยุ่นหรือคืนตัวเร็วเหมือนที่นอนสปริง ไม่เหมาะกับคนที่มีอาการปวดหลัง
ที่นอนแบบยางพารา (LATEX)
- ที่นอนยางพารา
ที่นอนยางพาราทำมาจากน้ำยางพารา มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง เนื้อของที่นอนยางพารายึดตัวกันเหนี่ยวแน่นจึงทำให้ไม่ยุบตัวง่าย ทนต่อแรงกดทับ นอกจากนี้ที่นอนยางพารายังมีลักษณะเป็นรูเล็กๆ จำนวนมากจึงส่งผลให้ไม่กักเก็บฝุ่นและไม่สะสมความชื้น
วิธีเลือกที่นอน
นอกจากประเภทที่นอนที่เราต้องเลือกแล้ว ขนาดเตียงนอนก็เป็นอีกเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นต้องเลือกเช่นเดียวกัน เพราะขนาดเตียงนอนควรจะสัมพันธ์กับขนาดของห้องและขนาดของร่างกาย ถ้าลือกเตียงที่เล็กหรือใหญ่ไป อาจจะทำให้ไม่สบายตัวเวลานอนหลับ
- เลือกขนาดที่นอน (ตามขนาดลำตัว)
- ที่นอนขนาด Single Size
Single Size คือที่นอนขนาด 3 ฟุต (กว้าง 105 เซนติเมตร ยาว 198 เซนติเมตร) เหมาะสำหรับคนนอนแค่คนเดียว เนื่องจากความกว้างมีไม่มากพอ สำหรับการนอนสองคน
- ที่นอนขนาด Queen Size
Queen Size คือที่นอนขนาด 5 ฟุต (กว้าง 150 เซนติเมตร ยาว 198 เซนติเมตร) เหมาะสำหรับการนอน 1-2 คน
- ที่นอนขนาด King Size
King Size คือที่นอนขนาด 6 ฟุต (กว้าง 180 เซนติเมตร ยาว 198 เซนติเมตร) สามารถนอนได้ 2-3 คน
- เลือกที่นอนกับขนาดของห้อง
- การเลือกขนาดของที่นอนควรเลือกให้สัมพันธ์กับขนาดของห้อง เช่น หากคุณอาศัยในคอนโดขนาดเล็ก การเลือกใช้ที่นอนขนาด King Size อาจเป็นการใช้พื้นที่มากเกินไป จนเบียดเบียนเฟอร์นิเจอร์อย่างอื่น เช่น โต๊ะทำงานหรือตู้เสื้อผ้า
- ถ้าหากอาศัยอยู่คนเดียวหรือมีห้องนอนหลักเพียงห้องเดียวอาจใช้เป็นที่นอน Single Size เพื่อความเหมาะสมของขนาดห้องพัก
- เลือกที่นอนให้เหมาะกับวัย
- ผู้สูงอายุ
ควรเลือกฟูกที่ค่อนข้างแข็งและหนา โดยความสูงของที่นอนไม่ควรสูงเกินไป ทั้งนี้การเลือกที่นอนสำหรับผู้สูงอายุ ควรเลือกที่นอนที่มีความกว้างมากพอให้พลิกตัวได้ อย่างที่นอนขนาด Queen Size ขึ้นไป
- เด็กอ่อน
ที่นอนที่เหมาะสำหรับเด็กอ่อน ควรเป็นที่นอนเด็กอ่อนโดยเฉพาะ ต้องที่กั้นเพื่อป้องกันเด็กตก แต่ทั้งนี้ที่กั้นไม่ควรมีช่องว่างเนื่องจากมีโอกาสที่ศีรษะของเด็กจะเข้าไปติดในช่องว่างได้
- เลือกที่นอนจากน้ำหนัก
- ที่นอนที่ดีไม่ควรนิ่มและแข็งจนเกินไป แต่ควรจะเลือกที่นอนจากน้ำหนักตัวผู้ใช้งาน โดยการเลือกที่นอนจากน้ำหนักสามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้ เช่น คนที่มีน้ำหนักมาก รูปร่างใหญ่ จะเหมาะกับที่นอนที่มีความหนาแน่นสูง เพื่อรองรับน้ำหนัก ป้องกันการยุบตัวของที่นอน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการปวดหลัง
- เลือกจากค่าความหนาแน่น
- สำหรับค่าความหนาแน่นของที่นอน (Density) จะเกี่ยวข้องต่อกับการรับน้ำหนักของผู้ใช้ ยิ่งค่าความหนาแน่นมากจะสามารถรับน้ำหนักได้มาก ซึ่งค่าความหนาแน่นจะเริ่มต้นตั้งแต่ 70-110 KG/m3
- เลือกจากการใช้งาน
- การใช้งานในที่นี้จะให้ความสำคัญที่จำนวนผู้นอน หากบ้านไหนที่นอนด้วยกันหลายคนบนที่นอนอันเดียว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ที่นอนแบบสปริง มาใช้ที่นอนยางพาราแทน เพื่อลดการเกิดเสียงเวลาพลิกตัว อันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่รบกวนการนอนหลับของคนข้างๆ
วิธีการเลือกที่นอน ที่ดีควรพิจารณาจากความเหมาะสมหลายปัจจัย เช่น น้ำหนักตัว, ขนาดของห้อง จนไปถึงอายุของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการปวดหลัง นอกจากนี้การเลือกที่นอน ราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบโปรโมชั่นด้วย เพราะที่นอนเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ที่ลดราคาค่อนข้างบ่อย หากจังหวะดีสามารถประหยัดค่าที่นอนได้เป็นหมื่น เช่นเดียวกับการทำความสะอาดที่นอน เพราะไม่ว่าจะที่นอนแบบไหนก็เก็บฝุ่นได้หมด ดังนั้นทาง bTaskee จึงมีบริการซักที่นอน บริการจากช่างผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้การนอนของคุณหลับสบายมากยิ่งขึ้นค่ะ มาใช้บริการซักที่นอนจาก bTaskee กันเยอะๆนะคะ