ติดต่อช่างล้างแอร์ใกล้ฉัน ไม่ต้องรอนาน นัดคิวช่างได้ทันที

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on linkedin
Share on email
ติดต่อช่างแอร์ใกล้ฉันได้ที่ไหน แนะนำที่ Btuskee
Share
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on linkedin
Share on email

การล้างแอร์นั้นเป็นเรื่องที่ควรทำทุก ๆ 6 เดือน ทั้งจากเรื่องความสะอาด หรือสุขอนามัยแล้ว ปัญหาความเย็นที่ลดลงจากฝุ่นต่าง ๆ เองก็มีผลเช่นเดียวกัน เราคงไม่อยากที่จะใช้แอร์ที่ไม่เย็น รวมไปถึงมีผลในเรื่องของความสะอาดโดยรวมของพื้นที่ดังกล่าว แต่การจะหาช่างแอร์ในพื้นที่นั้น ๆ หรือหาช่างล้างแอร์ใกล้ฉันมาจัดการอาจเป็นเรื่องที่ยาก รวมไปถึงไม่รู้ว่าจะไปติดต่อที่ไหน หรือแม้กระทั่งเรื่องที่เราควรรู้เกี่ยวกับการล้างแอร์ด้วยอีก มาหาคำตอบกันในบทความนี้กัน

รู้ก่อนล้างแอร์ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และไม่เกิดปัญหาในภายหลัง

รู้ก่อนล้างแอร์ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และไม่เกิดปัญหาในภายหลัง

1. ตรวจสอบหรือเช็กแอร์ก่อนทำการล้าง

ก่อนที่จะคลีนนิ่งหรือล้างแอร์ สิ่งที่ควรจะทำเป็นลำดับแรก คือการเปิดแอร์ทดสอบ 10 ถึง 15 นาที เช่น แอร์ในห้องต่าง ๆ ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือไม่ได้เปิดเลย ว่ามันยังทำงานปกติดีอยู่ หรือยังเย็นดีอยู่ไหม เพื่อที่จะได้รู้ว่าหากหลังล้างไปแล้วเกิดมีปัญหา และปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวกับการที่พึ่งล้างแอร์ไป หรือมันเป็นอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถ้าเป็นห้องแอร์ที่ใช้กันทุกวันอยู่แล้ว หรือเพิ่งเปิดไม่นาน เช่น ห้องนองที่พึ่งใช้แอร์ไปเมื่อคืน ก็ไม่จำเป็นต้องไปเปิดทดสอบอะไรนั่นเอง

2. ปูผ้าที่พื้น คลุมเตียง คลุมทีวี หรือพื้นที่ ที่จะทำการล้างแอร์ให้เรียบร้อย

การทำงานที่ดีนั้น หน้างานจะต้องสะอาดเรียบร้อย จัดเก็บทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อน ปลั๊กไฟที่เสียบไฟอยู่ใกล้ ๆ ก็ควรจะถอดออกไว้ให้ห่าง อุปกรณ์ไฟฟ้าเอง หากยกออกไปได้ก็ควรทำ ในบริเวณที่จำเป็นต้องขึ้นไปเหยียบ เช่น ตู้หรือโต๊ะก็ควรจะปูผ้าให้เรียบร้อย ตัวเครื่องแอร์เองก็ควรจะคลุมผ้าใบล้างแอร์ให้เรียบร้อย ให้ไม่มีรอยซึมรอยรั่วของน้ำ โดยที่ปลายผ้าก็ควรทิ้งให้ลงที่เก็บน้ำ เช่น ถังน้ำ หรือปล่อยระบายออกทางนอกหน้าต่าง ในกรณีที่อยู่ติดหน้าต่างแล้วควรเปิดหน้าต่างล้าง

3. ทำการตัดไฟเมน และตรวจสอบระบบเมนไฟฟ้าที่เข้าตัวเครื่องแอร์

ก่อนที่จะล้างแอร์ จะต้องทำการตัดไฟเมน และตรวจสอบระบบเมนไฟฟ้าที่เข้าตัวเครื่องแอร์ ให้มั่นใจแน่นอน ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่มีไฟแล้ว โดยที่อย่างน้อยควรมีไขควงเช็กไฟ หรือเทสแลมป์เช็กเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากไฟฟ้าเป็นสิ่งที่อันตรายถึงขึ้นเสียชีวิตได้ แม้กระทั่งช่างแอร์มืออาชีพเองบางครั้งยังถูกไฟดูดจนบาดเจ็บไปเลยเช่นกัน

4. เช็กเครื่องมือให้พร้อมว่าสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์

เครื่องมือต่าง ๆ ที่จะใช้งานล้างแอร์ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีพร้อม อย่างน้อยที่สุดก็ต้องหมั่นตรวจสอบบ่อย ๆ เช่น ไขควงเช็กไฟอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งานแน่นอนไหม เครื่องฉีดน้ำและปั๊มล้างแอร์ มีจุดสายไฟถลอกหรือมีขาดที่ไหน หรือมีปลั๊กกันไฟดูดสำหรับเครื่องฉีดน้ำใช้อยู่บ้างไหม บันไดที่ใช้งานเองก็แข็งแรงดีหรือไม่ รวมไปถึงคลิปแอมป์วัดกระแสไฟ เกจ์วัดแรงดันน้ำยา โบลเวอร์ก็เช่นกัน เพราะไม่อย่างนั้น ก็อาจจะเกิดการล้างไปครึ่งทางแล้วไม่สามารถจบงานได้

วิธีการล้างแอร์ของช่างแอร์มืออาชีพ

5. ได้ถอดถาดน้ำ โบลเวอร์ และมอเตอร์แฟนคอยล์ไหม

หากจะล้างให้สะอาดทั้งหมด ก็ควรถอดทั้งถาดน้ำ โบลเวอร์ และมอเตอร์แฟนคอยล์ออกมาล้าง เพราะจุดเหล่านี้คือจุดสกปรกที่มักจะถูกละเลยอยู่เป็นประจำจากความยุ่งยากของมัน ซึ่งตามความจริงแล้ว หากช่างที่มาล้างแอร์ให้ขอเก็บเงินเพิ่มในการทำความสะอาดส่วนนี้ ทางเราก็ขอแนะนำว่าให้จ่ายเพิ่มไปเพื่อความสะอาดที่ครบถ้วน และสุขอนามัย รวมไปถึงการใช้งานเครื่องที่ยาวนานยิ่งขึ้น

6. ล้างท่อน้ำทิ้ง และดูดท่อน้ำทิ้ง

สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการล้างแอร์ นั่นคืออย่าได้ลืมล้างท่อน้ำทิ้งไปด้วย หรืออัดฉีดท่อน้ำทิ้งของแอร์ด้วย เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่าง ๆ และเมือกที่อุดตันในท่อ เพราะนั่นคือสาเหตุหลักอย่างนึงที่ทำให้น้ำแอร์หยด จากการที่น้ำแอร์ไม่มีทางระบายไหลออกไปทิ้งด้านนอก ได้ไหลย้อนกลับมาที่ถาดน้ำ แล้วล้นออกหน้าแอร์ เพราะฉะนั้น จึงควรล้างอัดท่อน้ำทิ้งทุกครั้งที่ล้างแอร์ รวมถึงควรดูดปลายท่อน้ำทิ้งด้วยเครื่องดูดฝุ่นที่ดูดน้ำได้ด้วยเช่นกัน

7. เปิดเครื่องทิ้งไว้หลังล้างเสร็จเพื่อตรวจสอบ

เมื่อล้างแอร์และประกอบเครื่องแอร์กลับคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ควรจะเปิดเครื่องทดสอบทิ้งไว้อย่างน้อย 10 ถึง 15 นาที และวัดความเย็นด้วยการใช้ตัววัดอุณหภูมิ พร้อมใช้ตัววัดความแรงลมทดสอบควบคู่กัน แล้วตรวจท่อน้ำทิ้งว่าน้ำทิ้งแอร์ไหลไปได้ดีหรือไม่ รวมไปถึงตรวจสอบรวมไปถึงปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายหลังล้างเสร็จ

8. หลังจากการล้างเสร็จ ต้องเติมน้ำยาแอร์เพิ่มไหม

ถ้าหากแอร์ยังเย็นปกติ การเติมน้ำยาแอร์ก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น นอกจากความเย็นไม่เพียงพอหลังจากการล้างแอร์ไปแล้ว ก็อาจจะต้องเติมเข้าไปสักหน่อยนั่นเอง โดยการเติมน้ำยาแอร์นั้น ต้องอาศัยประสบการณ์กับความรู้  ซึ่งหากไม่ใช่ช่างมืออาชีพที่ผ่านการอบรม และมีประสบการณ์มีเครื่องมือพร้อม ก็อาจจะไม่สามารถเติมน้ำยาแอร์ให้เราได้ในขณะนั้นนั่นเอง

บริการล้างแอร์ใกล้ฉัน มีทั้งหมดกี่แบบกันนะ

ซ่อมแอร์ ล้างแอร์ เลือกช่างยังไงดี

ล้างแบบทั่วไป

การล้างแบบทั่วไป มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความสะอาดภายนอกเพียงอย่างเดียว โดยสามารถทำได้ด้วยตนเอง หรือจะเรียกให้ช่างที่มีอุปกรณ์มาล้างให้ก็ได้ ซึ่งสิ่งที่ควรทำก็คือ การล้างแผงกรอง ฟิลเตอร์แอร์ การใช้น้ำแรงดันสูงฉีดล้างแผงพัดลมที่คอยล์เย็น และการทำความสะอาดแผงคอยล์ร้อนด้านนอกห้อง เป็นต้น

ล้างใหญ่

การล้างใหญ่ จำเป็นต้องใช้ช่างแอร์ใกล้ฉันที่ชำนาญเท่านั้น โดยจะมีราคาจ้างสูงกว่าการล้างแบบธรรมดา เพราะเป็นการถอดชุดคอยล์เย็นออกมา เพื่อล้างละเอียดทุกซอกทุกมุมด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูง รวมไปถึงการตรวจสอบการทำงาน วัดความดันระบบ ตรวจสายไฟ จุดต่อสายไฟตามจุดต่าง ๆ เพื่อดูถึงความผิดปกติของแอร์ ซึ่งวิธีการล้างใหญ่รูปแบบนี้ จะช่วยทำให้แอร์สะอาดเหมือนซื้อเครื่องใหม่ รวมไปถึงสามารถแก้ไขปัญหาแอร์น้ำหยด และแอร์มีกลิ่นอับได้ดีอีกวิธีหนึ่ง

จะจ้างช่างล้างแอร์ใกล้ฉัน นัดคิวช่างได้ง่าย ด้วยแอปพลิเคชันเดียวเท่านั้น

เรียกช่างซ่อมแอร์ใกล้ฉันด้วยวิธีอะไร

เพราะการใช้บริการล้างแอร์ใกล้ฉัน โดยช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน เป็นวิธีดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศที่ดีที่สุด และช่วยยืดอายุการใช้งาน ทำให้แอร์สร้างความเย็นได้เร็ว และสามารถกรองอากาศได้สะอาดมากขึ้น ซึ่งทีมช่างของ bTaskee นั้นได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี และยังสามารถจองตัวพวกเขามาใช้บริการได้อย่างง่าย เพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอนภายในแอปพลิเคชันของ bTaskee นั่นเอง

  1. กดเลือกบริการ “ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ”
  2. กรอกรายละเอียดการจองงาน (สถานที่, ประเภทของเครื่องปรับอากาศ, จำนวนเครื่อง เป็นต้น)
  3. เลือกวันและเวลาที่ต้องการใช้บริการ
  4. ยืนยันและชำระเงิน

ในปัจจุบัน bTaskee ได้ให้บริการล้างแอร์บ้านใกล้ฉัน ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเท่านั้น และสำหรับการเติมน้ำยาแอร์ ผู้ให้บริการจะมีการประเมินหน้างานว่าต้องเติมน้ำยาหรือไม่ ซึ่งลูกค้าสามารถชำระส่วนต่างค่าเติมน้ำยาแอร์กับผู้ให้บริการได้โดยตรง โดยเติมน้ำยาแอร์ ราคาเท่าไหร่ ทางช่างผู้ให้บริการจะเป็นผู้คำนวณและแจ้งให้กับเราโดยตรงเพื่อตัดสินใจนั่นเอง

สรุป

เพราะการหาช่างมาล้างแอร์ใกล้ฉันนั้นเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนไม่รู้ แถมการออกไปตามหาช่าเองก็กินเวลาอีกด้วยเช่นกัน เพราะแบบนั้น แอปพลิเคชันของ bTaskee จึงได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยบริการล้างแอร์ของทางเรา ไม่จำเป็นจะต้องหาเบอร์ให้ยุ่งยาก หรือกลัวว่าจะไม่เป็นมืออาชีพมากพอ และป้องกันการโก่งราคาได้อีกด้วย ฉะนั้นแล้ว หากสนใจจะล้างแอร์ อย่าลืมใช้แอปพลิเคชันของ bTaskee กันล่ะ

ติดตามข่าวสารล่าสุด โปรโมชั่นและเคล็ดลับดีๆที่ช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น จาก bTaskee

The application is currently deployed in Thailand Vietnam

download-asker-btaskee-ver-3

Book a home cleaning task
right away

Download, register and experience exciting features only available on bTaskee App – On-demand Home Services