บ้านที่เต็มไปด้วยข้าวของต่าง ๆ ดูไม่เป็นระเบียบ สิ่งเหล่านี้มักจะทำให้ตัวบ้านนั้นดูไม่น่าอยู่ ทำให้รู้สึกอึดอัด รวมถึงไม่มีความปลอดโปร่ง และกลายเป็นที่สะสมของเหล่าเชื้อโรคหรือฝุ่นละอองต่าง ๆ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้อาศัยได้ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหานี้ bTaskee มีทางออกให้กับคุณ ด้วยเคล็ดลับการจัดบ้านให้น่าอยู่ และจัดบ้านให้โล่งอย่างมืออาชีพ ที่จะช่วยให้บ้านของคุณดูน่าอยู่ขึ้นทันตาเห็น
เคล็ดลับการจัดบ้านให้น่าอยู่ ทำได้ง่ายอย่างมืออาชีพ
1. จัดการของที่ไม่ได้ใช้ หรือของที่ไม่จำเป็นออกไป
สิ่งแรกที่เมื่ออยากจัดบ้านให้น่าอยู่ คือการเริ่มทำความสะอาด โดยการทำความสะอาดนั้น ก็คือการเคลียร์ของที่ไม่ได้ใช้ หรือของที่ไม่จำเป็นออก เพราะยิ่งถ้าบ้านมีพื้นที่แบบจำกัด แต่ดันมีของเยอะจนเกินไป ทำให้บ้านนั้นรก ไม่เป็นระเบียบ และดูแออัด ยิ่งถ้ามีของมากเท่าไหร่ ก็อาจจะทำให้บ้านนั้นเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หรือฝุ่นได้ ซึ่งมีผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย
ซึ่งถ้าหากว่าบ้านมีของที่ไม่จำเป็น ของที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว อย่างเช่น กองหนังสือ เสื้อผ้า หรือข้าวของต่าง ๆ แนะนำให้ทิ้ง หรือเอาไปบริจาค ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีเช่นกัน ซึ่งการเคลียร์ของที่ไม่ได้ใช้ หรือไม่จำเป็นออกไปนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่จะเปลี่ยนบ้านให้น่าอยู่ขึ้น
2. จัดสิ่งของต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
เมื่อทำความสะอาดเคลียร์สิ่งของที่ไม่ใช้ทิ้งแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำในการจัดบ้านให้น่าอยู่ ก็คือการจัดสิ่งของต่าง ๆ ให้เป็นสัดส่วนชัดเจน และเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น แบ่งโซนเก็บของแบบชัดเจน ซึ่งจะทำให้บ้านดูมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น หรือการจัดสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของใช้ที่ต้องใช้บ่อย ๆ ก็ควรทำมุมหรือจัดมุมสำหรับเก็บของใช้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
3. จัดหรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ใหม่
เมื่อเราทำความสะอาด จัดการของใช้ที่ไม่ได้ใช้ออก หรือจัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว วิธีต่อไปที่แนะนำให้ทำต่อนั่นก็คือ การจัดหรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ซึ่งวิธีนี้ แนะนำให้เราตกแต่งของไปในทางเดียวกัน จะทำให้ภายในห้องดูเป็นระเบียบ หรือถ้าใครมีห้องรับแขกขนาดเล็ก ๆ ก็ให้ลองตั้งเฟอร์นิเจอร์ให้ห่างจากผนังสักหน่อย อาจใช้กระจกแบบตั้งพื้นมาตกแต่ง เพื่อปรับให้ห้องดูกว้างขึ้น ส่วนบริเวณทางเข้าบ้าน ก็ควรจัดเฟอร์นิเจอร์ให้นำสายตาเข้าไว้ จะช่วยดึงดูดความสนใจและเป็นวิธีการจัดบ้านให้น่าอยู่ที่ได้ผลอีกด้วย
4. ตกแต่งด้วยของตกแต่งบ้าน DIY
เมื่อทำการจัดบ้านให้น่าอยู่ด้วยการทำความสะอาด ปรับเปลี่ยนตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์แล้ว หากอยากตกแต่งบ้านให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อของมาตกแต่งบ้านเลย ก็สามารถทำของตกแต่งบ้าน หรือ DIY นั่นเอง ซึ่งสามารถหยิบเอาของที่ไม่ได้ใช้ มาประดิษฐ์แล้วทำเป็นของตกแต่งได้ง่าย ๆ
5. นำต้นไม้มาประดับตกแต่งภายในบ้าน
เพิ่มบรรยากาศให้บ้านน่าอยู่ ด้วยการนำต้นไม้ที่ปลูกอยู่แล้ว นำมาประดับตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งจะเป็นต้นไม้พันธุ์ไหนก็สามารถนำมาประดับตกแต่งได้ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ ต้นกระบองเพชร หรือต้นไม้มงคล เป็นต้น
จัดบ้านให้น่าอยู่เสร็จแล้ว ทำอย่างไรไม่ให้กลับไปรกเหมือนเดิม
ใช้เสร็จแล้วเก็บเข้าที่
เมื่อหยิบอะไรออกมาใช้ หากใช้งานเสร็จแล้ว ก็ให้เก็บเข้าลิ้นชัก ตู้ ชั้นวางของ หรือสถานที่จัดเก็บที่เหมาะสม ไม่ต้องรอให้รกหรือถึงวันเก็บกวาดแล้วจึงค่อยจัดเก็บ เพราะความไม่เป็นระเบียบที่เริ่มเกิดขึ้น จะส่งผลให้ความรกเหล่านั้นทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ การจัดบ้านให้น่าอยู่และเป็นระเบียบอยู่เสมอ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ใช้เสร็จแล้วทำความสะอาด
อย่าปล่อยให้สกปรกเป็นดินพอกหางหมู แล้วค่อยทำความสะอาด เพราะการเก็บกวาดหลังจากใช้งานแล้ว จะทำให้ไม่เหนื่อยนัก เมื่อเทียบกับการขจัดความสกปรกที่เกิดจากการหมักหมมเป็นเวลานาน ไม่เช่นนั้นจากการทำความสะอาดแบบปกติก้อาจะต้องขยับมาเป็นการทำบิ๊กคลีนนิ่งแทน จึงจะช่วยให้บ้านสะอาดได้
แบ่งทำความสะอาดวันละนิด
การดองฝุ่นแล้วค่อยทำความสะอาดทีเดียวทั้งบ้าน จะทำให้ต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดที่นาน เมื่อเหนื่อย ก็อาจล้มเลิกกลางคัน ทำให้บริเวณที่สกปรกก็จะยังคงอยู่ต่อไป การจัดบ้านให้สะอาดโดยเก็บกวาดวันละห้อง หรือวันละบริเวณ จะช่วยให้ทุกบริเวณในบ้านได้รับการดูแลรักษาความสะอาดภายในหนึ่งสัปดาห์
สรุป
การจัดบ้านให้น่าอยู่ ปลอดโปร่ง โล่งสบายนั้น เป็นสิ่งสำคัญ ที่นอกจากจะทำให้ดูสบายตา และน่าอยู่แล้ว ยังเป็นการจัดการไม่ให้เชื้อโรคหรือฝุ่นละอองต่าง ๆ สะสมภายในบ้าน อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้สุขภาพกาย และสุขภาพจิตของผู้อาศัยอยู่ในบ้านนั้นย่ำแย่อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นการสร้างวินัยที่ดีให้กับทุก ๆ คนอีกนั่นเอง
แต่แน่นอนว่าการจัดบ้านให้น่าอยู่อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ จำเป็นจะต้องควบคู่ไปกับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วยเช่นกัน แต่หากใครมีเวลาไม่เพียงพอสำหรับทำความสะอาด เราขอแนะนำแอปพลิเคชัน bTaskee แอปพลิเคชันเพื่อการตามหาแม่บ้าน และนัดหมายงานแม่บ้านออนไลน์ ไม่ว่าจะแบบรายวัน และรายชั่วโมง โดยสามารถใช้งานได้ง่าย แค่กดหาแม่บ้านคุณภาพได้ภายใน 1 นาที อีกด้วย
และด้วยบริการทำความสะอาดบ้านแบบครบวงจรของเรา ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะให้ทำความสะอาดบริเวณห้องไหนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น
- ห้องครัว
- ห้องน้ำ
- ห้องรับแขกหรือพื้นที่ส่วนกลาง
- ห้องนอน
ซึ่งจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในห้องที่เลือกให้ไปทำความสะอาด นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจให้เลือกถึง 3 แพ็คเกจ ดังนี้
- 2 ชั่วโมง (2 ห้อง ขนาด 55 ตารางเมตร)
- 3 ชั่วโมง (3 ห้อง ขนาด 85 ตารางเมตร)
- 4 ชั่วโมง (4 ห้อง ขนาด 105 ตารางเมตร)
หากสนใจ สามารถเข้าไปโหลดแอปพลิเคชันได้ที่ App Store หรือ Google Play แล้วเริ่มใช้งานได้เลย ด้วยการกดเลือกบริการ “ทำความสะอาดบ้าน (Cleaning)” จากนั้นกรอกรายละเอียดขนาดห้อง ที่อยู่ และข้อมูลอื่น ๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้แม่บ้านรับงานได้อย่างรวดเร็วและทำงานง่ายยิ่งขึ้น ใช้เวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น
จากนั้นให้เลือกเวลาที่ต้องการรับบริการ เพื่อให้แม่บ้านกดรับงานได้อย่างสะดวก แล้วจึงอ่านรายละเอียดข้อมูล ที่อยู่ และช่องทางการชำระเงินอีกครั้ง ก่อนกดยืนยันการโพสต์งานในแอปพลิเคชัน bTaskee นั่นเอง นอกจากนี้ ถ้าสนใจติดต่อล้างแอร์ใกล้ฉัน หรือทำการฆ่าเชื้อโรค ซักผ้าม่าน ทำความสะอาดโซฟา ก็สามารถเรียกใช้บริการแม่บ้านจาก bTaskee ได้เช่นเดียวกัน