อาการออฟฟิศซินโดรม เมื่อการทำงานกลายเป็นความเจ็บปวด

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on linkedin
Share on email
อาการออฟฟิศซินโดรม
Share
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on linkedin
Share on email

นั่งทำงานทั้งวัน จ้องคอมพิวเตอร์จนตาพร่า พิมพ์งานจนนิ้วล็อค แล้วยังต้องแบกความเครียดกลับบ้านอีก… ฟังดูคุ้นๆ ใช่ไหม? นี่แหละคือชีวิตของคนทำงานออฟฟิศยุคนี้ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่เรียกว่า “ออฟฟิศซินโดรม” ซึ่งการมี อาการออฟฟิศซินโดรม อาจไม่ใช่โรคร้ายแรงที่คร่าชีวิต แต่มันทำให้ชีวิตการทำงานของเราทุกข์ทรมานได้ไม่น้อย อาการปวดเมื่อย ชา ตึง ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ทุกวัน อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตในระยะยาว

แล้วอะไรบ้างล่ะที่เป็นสัญญาณของออฟฟิศซินโดรม? มาดูกันว่าร่างกายของเราส่งสัญญาณอะไรบ้าง และเราจะรับมือกับมันยังไง

การปวดเฉพาะจุด

คนทำงานออฟฟิศหลายคนต้องเผชิญกับอาการปวดตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งมักเกิดจากท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้องหรือการอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน

  • อาการปวดคอและบ่า เป็นปัญหายอดฮิตของคนทำงานออฟฟิศ สาเหตุหลักๆ มาจากการก้มหน้าจ้องคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อคอและบ่าต้องทำงานหนักเกินไป บางคนถึงขั้นรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ อยู่ที่บ่า หรือขยับคอไม่ได้เลยทีเดียว
  • ปวดหลังส่วนล่าง อีกหนึ่งอาการที่พบบ่อยในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ โดยเฉพาะคนที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน การนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้อง เช่น หลังงอ หรือเก้าอี้ไม่รองรับหลังส่วนล่าง ทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังต้องรับแรงกดทับมากเกินไป
  • อาการปวดข้อมือและนิ้วมือ ที่มักพบในคนที่ต้องพิมพ์งานหรือใช้เมาส์เป็นเวลานาน การวางข้อมือในท่าที่ไม่เหมาะสม หรือการกดแป้นพิมพ์แรงเกินไป อาจทำให้เกิดการอักเสบของเอ็นและเนื้อเยื่อรอบข้อมือได้
  • อาการปวดตา ตาแห้ง ตาพร่า ก็เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในยุคดิจิทัล การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนัก และลดการกะพริบตา ส่งผลให้น้ำตาระเหยเร็วขึ้น

แล้วเราจะจัดการกับอาการปวดเหล่านี้ยังไงดี? การปรับท่าทางการทำงานให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ ควรนั่งหลังตรง วางคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา และพักสายตาทุก 20 นาที นอกจากนี้ การยืดเส้นยืดสายและเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ก็ช่วยลดอาการปวดได้

การนวดและการประคบร้อน-เย็น ก็เป็นวิธีบรรเทาอาการปวดที่ทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน แต่ถ้าอาการปวดรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

อาการออฟฟิศซินโดรม ปวดคอ

อาการระบบประสาทอัตโนมัติ

นอกจากอาการปวดเฉพาะจุดแล้ว ออฟฟิศซินโดรมยังส่งผลกระทบต่อระบบประสาทอัตโนมัติด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการที่หลายคนคาดไม่ถึง

  • อาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เป็นหนึ่งในอาการที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ความเครียดจากการทำงาน การนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน หรือการดื่มคาเฟอีนมากเกินไป อาจกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ทำให้รู้สึกใจสั่น หายใจไม่อิ่ม หรือแน่นหน้าอก
  • อาการเหงื่อออกมากผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า ก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ ระบบประสาทอัตโนมัติที่ทำงานผิดปกติอาจส่งสัญญาณให้ต่อมเหงื่อทำงานมากเกินไป ทำให้เกิดอาการเหงื่อออกตลอดเวลา แม้อากาศจะไม่ร้อน
  • นอกจากนี้ ยังอาจพบอาการระบบย่อยอาหารผิดปกติ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรืออาการกรดไหลย้อน ซึ่งเกิดจากความเครียดและการนั่งนานๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร
  • อาการนอนไม่หลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ ก็เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนทำงานออฟฟิศ ความเครียดจากงาน การจ้องหน้าจอนานๆ หรือการทำงานจนดึก อาจรบกวนการทำงานของนาฬิกาชีวิตในร่างกาย ทำให้นอนหลับยากหรือหลับไม่สนิท

แล้วเราจะจัดการกับอาการเหล่านี้ยังไงดี? ลองหาเวลาทำสมาธิ ฝึกหายใจลึกๆ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือออกกำลังกายเบาๆ

การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรจำกัดการดื่มคาเฟอีน โดยเฉพาะในช่วงบ่ายและเย็น หลีกเลี่ยงการทำงานจนดึก และพยายามเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน

นอกจากนี้ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ช่วยปรับสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติได้ดี แม้แต่การเดินเร็วๆ วันละ 30 นาที ก็ช่วยได้มากแล้ว

อาการทางระบบประสาทที่ถูกกดทับ

อาการทางระบบประสาทที่ถูกกดทับ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ ซึ่งมักเกิดจากการอยู่ในท่าทางเดิมๆ เป็นเวลานาน หรือการใช้งานกล้ามเนื้อและข้อต่อบางส่วนซ้ำๆ

  • อาการชาปลายมือปลายเท้า เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจมีการกดทับเส้นประสาท โดยเฉพาะในคนที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน การนั่งไขว่ห้างหรือนั่งทับขา อาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทที่ขา ส่งผลให้เกิดอาการชาหรือเป็นเหน็บที่ขาและเท้า
  • การพิมพ์งานหรือใช้เมาส์เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ ทำให้เกิดอาการชาที่นิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ซึ่งเป็นอาการของโรค Carpal Tunnel Syndrome
  • อาการปวดร้าวหรือแสบร้อนตามแขนขา ก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่อาจเกิดจากการกดทับเส้นประสาท โดยเฉพาะเส้นประสาทที่กระดูกสันหลัง การนั่งหลังงอหรือนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน อาจทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวดร้าวไปตามแขนหรือขา
  • อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ก็เป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม หากเส้นประสาทถูกกดทับเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อที่เส้นประสาทนั้นควบคุมอยู่อ่อนแรงลง เช่น อาการมือจับของไม่มั่น หรือขายกไม่ขึ้น

ควรนั่งหลังตรง เท้าวางราบกับพื้น และปรับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะสม นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าเดิมนานๆ โดยลุกเดินยืดเส้นยืดสายทุก 1-2 ชั่วโมง

การใช้อุปกรณ์เสริมก็ช่วยได้มาก เช่น ใช้ที่รองข้อมือเวลาพิมพ์งานหรือใช้เมาส์ ใช้เบาะรองหลังเพื่อรักษาแนวกระดูกสันหลังให้ตรง หรือใช้ที่วางจอคอมพิวเตอร์เพื่อให้จออยู่ในระดับสายตา

การบริหารร่างกายและยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำ ก็ช่วยป้องกันการกดทับเส้นประสาทได้ดี ลองทำท่ายืดคอ บ่า ไหล่ และหลัง ระหว่างวัน หรือทำโยคะเบาๆ หลังเลิกงาน

ถ้าอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม บางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้ยาแก้อักเสบหรือทำกายภาพบำบัด เพื่อลดอาการปวดและฟื้นฟูการทำงานของเส้นประสาท

นอกจากนี้ การนวดและการประคบร้อน-เย็น ก็ช่วยบรรเทาอาการได้ การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อ และช่วยให้เส้นประสาททำงานได้ดีขึ้น ส่วนการประคบร้อนช่วยคลายกล้ามเนื้อ และการประคบเย็นช่วยลดการอักเสบ

การดูแลสุขภาพโดยรวมก็สำคัญ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินบี ช่วยบำรุงระบบประสาท การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกได้ดีขึ้น และการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น

อาการออฟฟิศซินโดรม ปวดหัว

ออฟฟิศซินโดรมอาจฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วเราสามารถป้องกันและจัดการกับมันได้ ถ้าเรารู้จักดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี การทำงานไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยสุขภาพที่แย่ลง เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน

แต่ถ้าเกิดอาการแล้วล่ะ? ไม่ต้องตกใจไป อาการส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ถ้าเราจัดการแต่เนิ่นๆ สิ่งสำคัญคือต้องไม่ละเลยสัญญาณเตือนจากร่างกาย ถ้ารู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทันที และถ้าอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรปรึกษาแพทย์

ติดตามข่าวสารล่าสุด โปรโมชั่นและเคล็ดลับดีๆที่ช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น จาก bTaskee

The application is currently deployed in Thailand Vietnam

download-asker-btaskee-ver-3

Book a home cleaning task
right away

Download, register and experience exciting features only available on bTaskee App – On-demand Home Services