การดูแลรักษาบ้าน ด้วยการเปลี่ยนบ้านที่ดูสกปรก เก่า และทรุดโทรม ไม่ได้รับการบำรุงรักษา ด้วยการทำความสะอาดอย่างที่ควรจะเป็น นอกจากจะทำให้รู้สึกบ้านน่อยู่แล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตใจของผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังนั้น อีกทั้งยังทำให้มีบรรยากาศโดยรอบของบ้านดีขึ้นทันตา่อีกด้วย บทความนี้ bTaskee จึงจะพามาดูเคล็ดลับในการดูแลรักษาบ้านกันว่า ทำอย่างไรจะทำให้บ้านสะอาดเหมือนพึ่งซื้อมาใหม่ ไม่ดูเก่าทรุดโทรมจนไม่น่าอยู่ พร้อมเปิดเทคนิคจัดบ้านให้น่าอยู่มากขึ้นง่ายๆ ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันเลย
อยากให้บ้านดูเหมือนใหม่ ต้องทำอย่างไรบ้าง
1. การดูแลรักษาบ้านด้วยการทำความสะอาดสม่ำเสมอ
บ้านที่สะอาดปราศจากฝุ่น หยากไย่ และคราบสกปรก จะทำให้บ้านดูใหม่และน่าอยู่อยู่เสมอ ดังนั้น จึงต้องหมั่นทำความสะอาด ไม่ให้บ้านเกิดฝุ่นหนา ขยะแน่น ข้าวของรกจนไร้ระเบียบ ซึ่งควรเริ่มต้นจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง และอย่าลืมทำความสะอาดรายละเอียดเล็ก ๆ ภายในบ้านด้วย เช่น รีโมททีวี ลูกบิดประตู เป็นต้น และที่สำคัญ ควรใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยให้ทำความสะอาดบ้านได้ง่าย และมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
โดยอีกจุดที่ต้องมีความสะอาดอยู่เสมอ คือห้องครัว เพื่อไม่ให้สัตว์ต่าง ๆ เช่น มด แมลงสาบ หนู ที่มักจะมารวมตัวรอกินเศษอาหาร อันกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคมาอยู่ในห้องครัว ดังนั้นเมื่อทำอาหารเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องเช็ดเตา เพื่อขจัดคราบน้ำมันออกให้หมด รวมไปถึงกำจัดขยะและของเน่าเสีย พร้อมมัดปากถุงขยะเศษอาหารให้แน่น
2. เลือกผลิตภัณฑ์ในการดูแลรักษาบ้านที่มีคุณภาพ
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลทำความสะอาดบ้านและอุปกรณ์ทำความสะอาดที่มีคุณภาพ สภาพดีพร้อมใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น ไม้ถูพื้น ไม้กวาด ผ้าเช็ดทำความสะอาด ถังขยะ น้ำยาถูพื้นที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเรามีอุปกรณ์ที่ดี ก็จะทำให้การดูแลรักษาบ้านและการทำความสะอาดของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
3. หมั่นดูแลรักษาผนังบ้านและตรวจสอบความเสียหายของบ้าน เพื่อซ่อมแซมปรับปรุงอยู่เสมอ
ต้องหมั่นตรวจสอบผนังบ้านว่าสีผนังเกิดรอยร้าว สีลอก หรือมีฝุ่นคล้ายแป้งหรือไม่ หากพบว่าสีเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว ควรเรียกช่างเข้ามาดูแลซ่อมแซม ทาสี ขัดเงา รวมไปถึงทาเคลือบป้องกันปลวกให้เรียบร้อย เพื่อให้บ้านคงสภาพดีดังเดิม ไม่ทรุดโทรมจนไม่น่าอยู่
4. ทำความสะอาดห้องน้ำและร่องยาแนว
ห้องน้ำเป็นอีกห้องที่ต้องได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพราะห้องน้ำจะมีความเปียกชื้นแทบทั้งวัน ดังนั้นควรทำความสะอาดห้องน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อฆ่าเชื้อโรค โดยเฉพาะในร่องยาแนวของห้องน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่มีสิ่งสกปรกเกาะติดได้ง่าย โดยร่องยาแนวที่ดำและสกปรกนั้น จะเป็นจุดที่ทำให้ห้องน้ำดูทรุดโทรมลงไปมาก
วิธีทำความสะอาดง่าย ๆ คือใช้น้ำยาล้างห้องน้ำเทให้ทั่วพื้นแล้วทิ้งไปสักพัก จากนั้นใช้แปรงขัดตามร่องแล้วใช้น้ำฉีดให้เกลี้ยง เพียงเท่านี้ก็ห้องน้ำก็จะดูสะอาดเหมือนใหม่แล้ว
5. ดูแลสวนอย่างสม่ำเสมอไม่ปล่อยรกร้าง
สวนที่สวยงาม เป็นอีกส่วนที่จะส่งเสริมให้บ้านดูน่าอยู่ ดังนั้น หากบ้านของเรามีสวน หากมีการปูหญ้าและปลูกต้นไม้แล้ว เราจะต้องจัดการให้ดี อย่าปล่อยปละละเลยให้รกจนดูเหมือนป่า ควรหมั่นตัดแต่งหญ้าและกิ่งก้านต้นไม้ให้ดูดี เข้ารูปเข้าทรงอยู่เสมอ เพื่อไม่ทำให้บ้านรก รวมไปถึงต้องรดน้ำต้นไม้ทุกวันให้ชุ่มชื่น ไม่เหี่ยวเฉา เพราะเมื่อต้นไม้เขียวขจีสดใส ก็จะทำให้บรรยากาศบ้านร่มรื่น สดชื่นน่าอยู่ และการดูแลรักษาที่ดีแล้ว ยังช่วยเรื่องความปลอดภัยจากสัตว์มีพิษที่อาจแฝงเข้ามาในบ้านได้อีกด้วย
6. หลังคา เพดาน ฝ้า อย่าให้มีรอยรั่วซึม
ปัญหาหลังคา เพดาน ฝ้ารั่วซึมนั้น เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในช่วงหน้าฝน แถมยังสามารถสร้างความเสียหายให้กับตัวบ้านได้เป็นอย่างมาก ดังนั้น ในการดูแลรักษาบ้านให้ไม่รั่วซึมจึงควรหมั่นคอยสังเกตรอยน้ำรั่ว น้ำซึม บริเวณฝ้าเพดาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบน้ำหรือตะไคร่ ที่จะทำให้บ้านดูเก่าโทรมไม่น่าอยู่ อีกทั้งหากไม่ได้รับการซ่อมแซมโดยเร็ว อาจเกิดปัญหาน้ำซึมจะลุกลามจนเกิดความเสียหายกับตัวบ้าน เฟอร์นิเจอร์ในบ้าน และพื้นบ้านในเวลาต่อมา
7. เช็คสภาพกระเบื้องพื้นให้เรียบร้อย
เพื่อความปลอดภัยในการเข้าอยู่ ให้ตรวจสอบพื้นกระเบื้องของบ้าน ว่ามีการโก่งตัวหรือไม่ ทั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุอย่างการสะดุดล้มภายในบ้าน หรือบาดเท้าจากเศษกระเบื้องที่แตก ซึ่งถ้าพบ ให้รีบแก้ไขโดยทันที และตรวจเช็คกระเบื้องพื้นภายนอกบ้านว่ามีน้ำขังหรือไม่ เพราะหากกระเบื้องมีน้ำขังบ่อย ๆ และทิ้งไว้ไม่ดูแลรักษาบ้านก็จะเกิดตะไคร้ขึ้น ส่งผลทำให้พื้นลื่น เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุแก่คนในบ้านได้
8. หมั่นเช็กระบบไฟฟ้าเป็นประจำ
ระบบไฟฟ้า เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นปลั๊กไฟหรือสายไฟต่าง ๆ ภายในบ้าน เพราะหากชำรุดหรือเสียหาย ก็อาจทำให้เกิดอันตราย เช่น ไฟรั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร และอาจลามไปจนถึงขึ้นเกิดไฟไหม้ได้ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมดของเรา ควรหมั่นตรวจเช็ก หรือสังเกตความผิดปกติของเครื่องใช้ไฟฟ้า และระบบไฟฟ้าภายในบ้านอยู่เป็นประจำ เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นนั่นเอง
9. ตรวจดูระบบประปาว่ารั่วซึมไหม
น้ำประปาเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ปัญหาเกี่ยวกับระบบประปาที่มักพบบ่อย คือท่อและข้อต่อต่าง ๆ หลุด หรือมีอาการรั่วซึม ดังนั้น คนในบ้านควรช่วยกันสังเกต และสำหรับบ้านที่มีปั๊มน้ำ ต้องคอยหมั่นฟังเสียงการทำงานของปั๊มอยู่เสมอ หากไม่มีการใช้น้ำแต่ปั๊มน้ำกลับทำงานไม่หยุด แสดงว่ามีการรั่วหรือซึมที่จุดใดจุดหนึ่ง หรือพบค่าน้ำสูงกว่าปกติ ก็ให้สันนิษฐานว่าน่าจะมีน้ำรั่วขึ้นในบ้าน ควรรีบหาจุดที่รั่วซึมให้พบ แล้วแจ้งช่างมาเปลี่ยนหรืออุดให้เรียบร้อย นอกจากนี้ ยังไม่ควรทิ้งขยะลงในท่อระบายน้ำ เพราะจะทำให้ท่ออุดตันได้อีกด้วย
10. การดูแลรักษาบ้านด้วยการควบคุมระดับความชื้นภายในบ้าน
การดูแลรักษาบ้านนั้น ไม่จบเพียงแค่การทำความสะอาดเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการควบคุมความชื้นอีกด้วย เพราะหากความชื้นภายในบ้านสูง ก็จะเป็นบ่อเกิดของเชื้อราต่าง ๆ ที่ไม่น่าดูชม ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง และมักจะแก้ไขได้ยาก โดยเชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีความชื้นสูง และบริเวณที่มีอุณหภูมิประมาณ 25 ถึง 30 องศาเซลเซียส ซึ่งการใช้เครื่องลดความชื้น และเครื่องปรับอากาศ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ และที่สำคัญ ความชื้นที่มากเกินไปเหล่านี้ ก็อาจดึงดูดหนูและแมลงเข้ามาในบ้านได้
11. ดูแลช่องระบายอากาศให้สะอาดอยู่เสมอ
ท่อและช่องระบายอากาศที่อุดตันอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ สิ่งสำคัญคือต้องทำความสะอาดช่องระบายอากาศทุกปี และเปลี่ยนท่อลมเป่าแห้งตามรอบเวลาการซ่อมบำรุง รวมถึงต้องทำความสะอาดพัดลมเพดาน และพัดลมห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านนั้น หายใจเอาฝุ่นที่สะสมอยู่บนพัดลมเข้าไป และพัดลมในห้องน้ำยังช่วยลดการสะสมความชื้น ที่เกิดจากการใช้งานห้องน้ำได้อีกเช่นกัน ช่วยลดการเกิดขึ้นของเชื้อแบคทีเรีย และตะไคร้ทั้งหลายได้ในอีกทางหนึ่ง
12. การดูแลรักษาบ้าน ให้ปลอดจากปลวก
บ้านทุกหลังมีสิทธิ์ที่ปลวกจะมาเยือนได้ หากเราไม่ป้องกันหรือทำการดูแลรักษาบ้านให้ดี ก็จะส่งผลทำให้โครงสร้างของบ้านนั้นเกิดความเสียหายได้ จึงควรตรวจสอบปลวกทุก ๆ 4 เดือนอย่างสม่ำเสมอ และหากตรวจพบ ควรแจ้งบริษัทกำจัดปลวกมาฉีดยาป้องกัน และให้รับประกันปลวกขึ้นบ้านด้วย โดยเฉพาะในส่วนของเสาบ้านและคาน ซึ่งต้องแข็งแรงและไม่ควรเสียหายนั่นเอง
สรุปเคล็ดลับ การดูแลรักษาบ้าน ควรทำอย่างไร
การที่เราจะทำให้บ้านของเรานั้นดูน่าอยู่ บ้านไม่เก่า ไม่ทรุดโทรม และสกปรกจน หัวใจหลักนั้นคือการดูแลรักษาบ้านอย่างใส่ใจ คอยตรวจสอบสภาพของบ้านอยู่สม่ำเสมอ และหมั่นทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ ของบ้านอยู่เป็นประจำ อะไรที่มีปัญหาก็ควรจะรีบจัดการให้เสร็จสิ้น ไม่ใช่ปล่อยทิ้งเอาไว้มาจัดการทีหลัง เพราะจะทำให้เรานั้นเผลอไผลลืมเลือน และกลายมาเป็นปัญหาหมักหมมในภายหลังได้นั่นเอง
แต่ถ้าหากคุณไม่มีเวลามากเพียงพอสำหรับการทำความสะอาด แอปพลิเคชัน bTaskee นั้น มีบริการทำความสะอาดหลาย ๆ อย่างที่ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น บริการทำความสะอาดบ้าน และ บริการทำความสะอาดแบบพิเศษ (บิ๊กคลีนนิ่ง / Deep Cleaning) โดยแม่บ้านทำความสะอาดรายวัน รายเดือนที่เชื่อใจได้ มีการคัดกรองประวัติ และความน่าเชื่อถือมาให้ก่อนแล้ว รวมถึงแบบประเมินการทำงานต่าง ๆ ทำให้คุณสามารถหาแม่บ้านที่ตรงใจของคุณได้โดยง่าย
ถ้าหากใครที่สนใจจะใช้บริการแม่บ้านออนไลน์ของ bTaskee สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน bTaskee ได้ที่ Android หรือ iOS แล้วกดเลือกบริการบริการที่ต้องการ พร้อมกรอกรายละเอียดต่าง ๆ ภายในนั้นให้ครบถ้วน จากนั้นก็รอแม่บ้านออนไลน์มารับงานเท่านั้นเอง
พิเศษ! สำหรับลูกค้าใหม่รับส่วนลดมูลค่ารวม 120 บาท ผ่านแอปฯ ได้เลย