Q&A กับอุปกรณ์ต้องซัก รู้ว่าต้องซักแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่?

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on linkedin
Share on email
ซักของใช้ในบ้าน
Share
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on linkedin
Share on email

นอกจากเสื้อผ้าที่เราต้องซักเป็นประจำแล้ว พวกของใช้ในบ้าน เช่น ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว พรม ผ้าม่าน ก็ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ ด้วยเหมือนกัน แต่หลายคนยังไม่แน่ใจว่าควร ซักของใช้ในบ้าน บ่อยแค่ไหนถึงจะดี วันนี้ bTaskee เลยรวบรวมข้อมูลมาฝากว่าสิ่งของประเภทไหนควรซักทำความสะอาดบ่อยมากน้อยแค่ไหน

ซักของใช้ในบ้าน

1. ผ้าปูที่นอน : ทุกสัปดาห์

          ผ้าปูที่นอนควรซักสัปดาห์ละครั้ง เพราะอาจจะมีคราบน้ำ เหงื่อ และมีสิ่งสกปรกอื่น ๆ ที่มองไม่เห็นแอบซ่อนอยู่ อีกทั้งร่างกายคนเรายังมีการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วเป็นประจำทุกคืน จึงถือเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของตัวไรฝุ่น แถมยังส่งผลเสียมากขึ้นกับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ดังนั้นเราจึงต้องซักที่นอนทุก ๆ สัปดาห์ โดยให้ใช้น้ำร้อนอย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส ตากแดดโดยตรง และรีดก่อนใช้ ก็จะช่วยให้ผ้าสะอาด แถมยังช่วยฆ่าแบคทีเรียและจุลินทรีย์ได้อีกด้วย

2. ฟูกที่นอน : ทุก 6 เดือน

          นอกจากซักผ้าปูที่นอนแล้ว อย่าลืมซักหรือทำความสะอาดฟูกที่นอนด้วย เพื่อสุขอนามัยที่ดี ควรทำเป็นประจำทุก 6 เดือน โดยวิธีการง่าย ๆ แค่ดูดฝุ่นออก แต่ถ้าหากใครอยากกำจัดดับกลิ่นและซักคราบสกปรกด้วย ก็ให้โรยเบกกิ้งโซดาบนฟูก แล้วปล่อยทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ก่อนนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดออก เท่านี้ฟูกที่นอนก็กลับมาสะอาดเหมือนเดิมแล้ว

3. ผ้ารองกันเปื้อน : ทุก 3 เดือน

          สำหรับคนที่ใช้ฟูกรองที่นอนหรือผ้ารองกันเปื้อนที่นอน ให้ถอดมาซักเป็นประจำทุก 3 เดือน โดยฟูกรองที่นอนที่ทำมาจากคอตตอนหรือไวนิล สามารถซักในเครื่องซักผ้าได้เลย

4. ตุ๊กตา : ทุกสัปดาห์

ตุ๊กตาที่เด็กๆ มักจะชอบพกติดตัวอยู่เสมอ ก็เป็นอีกหนึ่งที่อยู่อาศัยสำหรับเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรีย ทางที่ดีให้ซักเป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะซักในเครื่องซักผ้าได้ แต่อย่าลืมเช็กป้ายและทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ส่วนชิ้นไหนที่ห้ามซัก ให้นำไปแช่ในตู้เย็นสัก 2-3 ชั่วโมง หรือแช่ไว้ข้ามคืน ก็จะช่วยกำจัดเชื้อโรค ตัวไรฝุ่น

5. หมอน : ทุก 3 เดือน

ถ้าไม่ซักทำความสะอาดหมอนเป็นประจำ อาจทำให้เชื้อราหลายชนิดสะสมอยู่ได้ โดยระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือ ควรซักด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส ทุก 3 เดือน หรือหากไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น ให้ซักและอบแห้งด้วยความร้อนต่ำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปีก็ได้

6. ปลอกหมอน : ทุกสัปดาห์

ปลอกหมอนก็เหมือนกับผ้าปูที่นอน เพราะเป็นด่านแรกที่ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรก เชื้อโรค และเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ติดค้างและสะสมอยู่บนหมอน ฉะนั้นต้องถอดมาซักเป็นประจำทุกสัปดาห์ จำง่าย ๆ ว่าทำพร้อมกับผ้าปูที่นอนเลย

7. ผ้าห่ม : ทุกเดือน

ผ้าห่มควรซักเป็นประจำทุกเดือน เพราะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคไม่แพ้ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน ส่วนขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก สามารถซักในเครื่องได้ แต่จะแตกต่างกันออกไปตามชนิดของผ้า

8. ผ้านวม : ทุกเดือน

แม้ว่าความบ่อยในการซักผ้านวมจะขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า แต่ทั่วไปแล้วควรซักเป็นประจำทุกเดือน เหมือนกันกับผ้าห่มเลย เพราะผ้านวมและผ้าห่มก็มีวัตถุประสงค์เดียวกัน

9. ผ้าเช็ดตัว : หลังใช้งาน 3-4 ครั้ง

ถึงเราจะใช้ผ้าเช็ดตัวหลังอาบน้ำแล้ว แต่ก็ต้องคอยทำความสะอาดสม่ำเสมอ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรซักหลังใช้งานประมาณ 3-4 ครั้ง เพราะทุกครั้งที่เราเช็ดตัว เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะย้ายไปติดบนผ้า นอกจากนี้ความชื้นของผ้ายังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของเชื้อโรคอีกต่างหาก นี่จึงทำให้เราต้องทำความสะอาดผ้าเช็ดตัวอยู่เป็นประจำ ไม่เช่นนั้นเชื้อโรคบนผ้าอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองหรือเป็นสิวได้

10. ผ้าเช็ดมือ : หลังใช้งาน 2 ครั้ง

เช่นเดียวกันกับผ้าเช็ดตัว คือ ทุกครั้งที่เราเช็ดมือกับผ้าเท่ากับเรานำแบคทีเรียจากมือไปฝากไว้ ยิ่งถ้าใครล้างมือไม่สะอาด ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มเชื้อแบคทีเรียเข้าไปใหญ่ เมื่อบวกเข้ากับความชื้นและพื้นผิวของผ้าแล้ว งานนี้ผ้าเช็ดมือจึงกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของแบคทีเรีย ดังนั้นเพื่อสุขอนามัยที่ดีและความสะอาดที่แท้จริง เราจึงต้องเปลี่ยนหรือซักผ้าเช็ดมือหลังใช้งานไป 2-3 ครั้งนั่นเอง

11. ผ้าเช็ดจาน : ทุกวัน

เชื้อโรคสามารถแฝงตัวอยู่บนผ้าเช็ดจานได้ทุกครั้งหลังใช้งาน ฉะนั้นยิ่งใช้ซ้ำหลายครั้งก็ยิ่งทำให้สกปรกมากขึ้น โดยมีรายงานว่า เคยพบแบคทีเรีย E.coli ในผ้าเช็ดจานมากถึง 89% ซึ่งอาจส่งผลให้อาหารเป็นพิษได้ ดังนั้นถ้าหากใครอยากให้คนในครอบครัวปลอดภัยหายห่วงละก็ ควรซักหรือเปลี่ยนผ้าเช็ดจานทุกวันนะครับ

12. ผ้าม่านในห้องน้ำ : ทุกเดือน

แม้ว่าผ้าม่านพลาสติกในห้องน้ำจะโดนน้ำและสบู่อยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสะอาด เพราะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรค เชื้อรา ได้เหมือนกัน ทางที่ดีควรนำมาซักทำความสะอาดบ่อย ๆ อย่างน้อย ๆ เดือนละครั้ง ก็จะช่วยให้สวยงาม เหมือนใหม่ และน่าใช้มากขึ้น

13. ผ้าม่าน : ทุก 3-6 เดือน

ผ้าม่านควรซักทุก 3-6 เดือน โดยวิธีการก็คล้ายกับการซักผ้าทั่วไป คือ เช็กป้ายว่าเหมาะกับการซักมือ ซักเครื่อง หรือซักแห้ง หลังจากนั้นก็ทำตามเท่านั้นเอง

14. พรม : ทุกสัปดาห์

อีกหนึ่งไอเทมที่ต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ ก็คือ พรม เพราะเราใช้เช็ดทำความสะอาดเท้าหลายครั้งต่อวัน จนทำให้มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกสะสมได้ง่าย ซึ่งถ้าพรมชนิดไหนซักได้ ก็ใส่ลงในเครื่องซักผ้าได้เลย แต่ถ้าพรมชนิดไหนซักไม่ได้ ให้โรยเบกกิ้งโซดาและสารบอแรกซ์อย่างละ 1 ถ้วยลงไป ปล่อยทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดออก ก็เป็นอันเสร็จครับ

15. พรมห้องน้ำ : ทุก 2-3 สัปดาห์

          นอกจากจะมีสิ่งสกปรกตกค้างแล้ว พรมห้องน้ำหรือเสื่อห้องน้ำยังมีความชื้นติดอยู่เสมอ จึงถือเป็นอีกแหล่งสะสมของเชื้อโรค ดังนั้นควรซักทำความสะอาดทุก 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าหากผืนไหนใช้งานบ่อยหรือหลายคนหน่อย ให้ซักทำความสะอาดทุกสัปดาห์แทน

16. ถุงผ้า : หลังใช้งานทุกครั้ง

รายงานจาก Science Is Us ระบุว่า 99% ของถุงผ้าหรือถุงช้อปปิ้งมีแบคทีเรียซ่อนอยู่ ฉะนั้นควรซักหลังใช้งานทุกครั้งหรืออย่างน้อย 2-3 ครั้ง โดยซักด้วยเครื่องซักผ้าตามปกติ เพื่อช่วยให้ข้าวของที่ใส่ไปสะอาด ปลอดภัย ไม่มีสิ่งสกปรก

17. สลิปเปอร์ : บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

สลิปเปอร์ หรือรองเท้าใส่ในบ้าน สามารถปนเปื้อนสิ่งสกปรก รวมถึงเชื้อโรคและเชื้อราได้ง่าย ฉะนั้นเพื่อรักษาความสะอาดให้กับรองเท้าและตัวเราเอง ควรซักบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเปลี่ยนคู่ใหม่ทุก 6 เดือน

และนี่คือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ควรซักพร้อมกับความถี่ในการซักทำความสะอาด หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์นะครับ หรือสามารถถามจากเหล่าแม่บ้านของเราเวลาจองใช้งานบริการจาก bTaskee ก็ได้เหมือนกันนะครับ เพราะแม่บ้านของเรามีประสบการณ์และความรอบรู้ในเรื่องงานบ้านเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นถามเหล่าแม่บ้านของเราได้เลยนะครับ

ติดตามข่าวสารล่าสุด โปรโมชั่นและเคล็ดลับดีๆที่ช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น จาก bTaskee

The application is currently deployed in Thailand Vietnam

download-asker-btaskee-ver-3

Book a home cleaning task
right away

Download, register and experience exciting features only available on bTaskee App – On-demand Home Services