ปัจจุบันผ้าม่านกลายมาเป็นของตกแต่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะนอกจากจะช่วยประดับบ้านให้ดูสวยแล้ว ผ้าม่านยังสามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น ช่วยในการบดบังแสงแดด บดบังสายตา หรือแม้กระทั่งช่วยป้องกันฝุ่นละอองไม่ให้ปลิวเข้ามาภายในบ้าน วันนี้ bTaskee จึงนำวิธีการ ติดตั้งผ้าม่านด้วยตัวเอง แบบง่ายๆ ที่ใครๆก็สามารถทำได้มาฝากเพื่อนๆ กัน
วิธีวัดขนาดหน้าต่าง/ประตู เพื่อเลือกซื้อผ้าม่านให้พอดี
ก่อนเริ่มการติดตั้งผ้าม่าน สิ่งแรกที่จำเป็นต้องทำคือการวัดขนาดพื้นที่ เพราะจะทำให้รู้ว่าเราควรเลือกซื้อผ้าม่านขนาดเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ของเรา
สิ่งที่ต้องวัด ได้แก่ ‘ความกว้างและความสูง’ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับวัดขนาดคือ ‘ตลับเมตร’ หน่วยที่ใช้วัดเป็น ‘เซนติเมตร’ และในการจดขนาดจะเขียนเป็นขนาด ‘กว้าง x สูง’ จากนั้นก็เริ่มวัดขนาดกันได้เลย
1. การวัดความกว้างของหน้าต่าง/ประตู เพื่อระบุความกว้างผ้าม่าน
สำหรับการวัดความกว้างให้เริ่มวัดจากด้านซ้ายไปขวา โดยจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบตามความเหมาะสมและความชอบของแต่ละคนในการจัดวางผ้าม่าน
1.1 วัดตามขนาดหน้าต่าง/ประตู – เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีหน้าต่างประตูขนาดเล็ก ไม่ได้กินพื้นที่ส่วนใหญ่ของกำแพง ขนาดผ้าม่านที่ได้ก็จะค่อนข้างพอดีกับหน้าต่าง/ประตู
กรณีนี้ให้วัดความกว้างจากขอบนอกสุดของกบหน้าต่าง/ประตูทางด้านซ้ายไปยังด้านขวาสุด แล้วบวกเพิ่มไปอีก 10-15 ซม.
1.2 วัดตามขนาดกำแพง – เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีหน้าต่างประตูขนาดใหญ่ กินพื้นที่เกือบเต็มบริเวณกำแพง ขนาดผ้าม่านที่ได้ก็จะครอบคลุมทั่วทั้งกำแพง
กรณีนี้ให้วัดความกว้างแบบเต็มกำแพง ตั้งแต่ขอบกำแพงด้านซ้ายสุดไปยังขวาสุดโดยไม่ต้องบวกเพิ่ม
2. การวัดความสูงของหน้าต่าง/ประตู เพื่อระบุความสูงผ้าม่าน
สำหรับการวัดความสูงให้เริ่มวัดจากบนลงล่าง โดยวัดจากขอบวงกบด้านบนสุดของหน้าต่าง/ประตูลงมาถึงขอบด้านล่าง ควรวัดที่ตำแหน่งกึ่งกลางของหน้าต่าง/ประตู แล้วบวกเพิ่มความยาวด้านบนอย่างน้อย 10 ซม. ส่วนขอบด้านล่างหากต้องการให้ผ้าม่านยาวลงมาจากขอบหน้าต่างไม่มาก ให้บวกเพิ่มประมาณ 15 ซม. แต่ในกรณีที่ต้องการให้ผ้าม่านมีความยาวลงมาถึงพื้น ให้วัดลงมาถึงพื้นได้เลย จากนั้นให้ลบความยาวออกไป 1-2 ซม. จากพื้น เพื่อไม่ให้ผ้าม่านยาวลากพื้นจนดูไม่สวย
ขั้นตอนการติดตั้งผ้าม่าน
หลังจากวัดขนาดพื้นที่สำหรับติดตั้งผ้าม่านเรียบร้อยแล้ว ให้เลือกซื้อผ้าม่านตามขนาดที่วัดไว้ ซึ่งแนะนำว่าควรเป็นผ้าม่านตาไก่แบบสำเร็จรูปเพราะง่ายต่อการติดตั้งด้วยตัวเอง จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการติดตั้งได้เลย
อุปกรณ์ที่ต้องมี
- ผ้าม่านสำเร็จรูปตาไก่
- ชุดราวผ้าม่าน ได้แก่ ผ้าม่าน, ราวผ้าม่าน, แขนจับราวผ้าม่าน, หัวปิดราวผ้าม่าน, ตะขอแขวนสายรวบม่าน, สายรวบม่าน
- เครื่องมือ ได้แก่ สว่านและดอกสว่านไฟฟ้า, พุกสำหรับผนังคอนกรีต, สกรูว, ไขควง, ตลับเมตร, ค้อนขนาดเล็ก, ดินสอ
วิธีติดตั้งผ้าม่านสำเร็จรูปด้วยตนเอง
- วัดระยะและมาร์คจุดติดตั้งราวผ้าม่าน
ให้มาร์คจุดเหนือขอบนอกสุดของกบหน้าต่าง/ประตูขึ้นไปประมาณ 10-15 ซม. และเผื่อบริเวณที่ราวผ้าม่านจะยื่นออกไปด้านข้างอีกประมาณฝั่งละ 10-15 ซม.
- ติดตั้งราวผ้าม่าน
ใช้สว่านไฟฟ้าเจาะรูตรงจุดที่มาร์คไว้ นำพุกฝังลงไปในรู และใช้ค้อนตอกให้หัวพุกจมลงไปกับฝาผนัง จากนั้นนำแขนจับราวไปติดโดยใช้สกรูวเป็นตัวยึดแขนจับราวไว้ และใช้ไขควงไขสกรูวให้ยึดแน่นสนิทกับตัวพุก ทำแบบเดียวกันทั้งสองข้าง เมื่อเสร็จแล้วจึงนำราวผ้าม่านขึ้นไปวางบนแขนจับราว
- ติดตั้งตัวผ้าม่าน
นำผ้าม่านสำเร็จรูปใส่เข้าไปในราวผ้าม่าน โดยสอดรูตาไก่เข้าไปในราวและเหลือรูนอกสุดเอาไว้ จากนั้นให้ล็อคราวติดไว้กับแขนจับราว แล้วนำรูตาไก่รูสุดท้ายคล้องเข้าไปในราวนอกตัวล็อค เพื่อไม่ให้ผ้าม่านเคลื่อนที่ตอนปิด-เปิด แล้วจึงเอาหัวปิดราวผ้าม่านมาปิดที่สุดขอบราว ให้ทำแบบเดียวกันทั้งสองข้าง
- ติดตั้งตะขอแขวนสายรวบม่าน
มาร์คุดเพื่อยึดตะขอแขวนสายรวบม่าน โดยมาร์คให้สูงจากพื้นขึ้นมาประมาณ 100 ซม. และห่างจากขอบหน้าต่าง/ประตู ประมาณ 5-7 ซม. เจาะรูที่มาร์คไว้ ใส่พุกเข้าไปในรู จากนั้นใช้สกรูวยึดตะขอรวบม่านไว้ให้แน่น เท่านี้ก็ถือเป็นอันเสร็จเรีบยร้อย สามารถนำสายรวบม่านมาคล้องไว้และใช้รวบผ้าม่านได้
เพียงเท่านี้บ้านเราก็จะมีผ้าม่านสวยๆไว้ประดับบ้านกันแล้วค่ะ! แต่อย่าลืมนะคะว่าการทำความสะอาดผ้าม่านหลังจากใช้งานก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะผ้าม่านนั้นเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่นและเชื้อโรคมากมาย ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้
bTaskee จึงอยากฝากบริการซักผ้าม่านไว้สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการซักทำความสะอาดผ้าม่านให้ปราศจากฝุ่นค่ะ โดยสามารถคลิกบริการซักผ้าม่าน เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือจองบริการได้เลย