ล้างแอร์ กี่เดือน ถึงจะเหมาะ?

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on linkedin
Share on email
Share
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on linkedin
Share on email

การล้างแอร์เป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม แต่รู้ไหมว่ามันมีผลต่อทั้งสุขภาพ และ เงินในกระเป๋ามากกว่าที่คิด! ลองนึกภาพแอร์ที่เปิดกันทุกวัน แต่ไม่ได้ทำความสะอาดเลย ฝุ่น เชื้อโรค และ กลิ่นไม่พึงประสงค์อาจทำให้ความเย็นที่เคยสบายกลายเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นการดูแลแอร์ให้สะอาดอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม มาดูกันว่าควร ล้างแอร์ กี่เดือน และ บ่อยแค่ไหน ต้องทำอะไรบ้างเพื่อรักษาความเย็นสบายในบ้านของเรา

ทำไมต้องล้างแอร์?

ก่อนอื่นเลย การล้างแอร์ไม่ได้เป็นเพียงการทำให้แอร์เย็นขึ้นเท่านั้น แต่ ยังช่วยในหลาย ๆ ด้าน เช่น

  • ลดฝุ่นและเชื้อโรค แอร์ที่ไม่ได้ล้างจะสะสมฝุ่น เชื้อรา และ เชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น อาการภูมิแพ้ หรือ ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
  • ช่วยประหยัดค่าไฟ แอร์ที่สะอาดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ใช้พลังงานน้อยลง และ ช่วยลดค่าไฟได้ในระยะยาว
  • ยืดอายุการใช้งานของแอร์ การดูแลแอร์อย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันปัญหาที่อาจทำให้ต้องซ่อมแซม หรือ เปลี่ยนแอร์ใหม่เร็วเกินไป
  • เพิ่มความเย็นสบาย แอร์ที่สะอาดจะทำความเย็นได้ดีขึ้น ไม่มีปัญหาลมอ่อน หรือ กลิ่นไม่พึงประสงค์มากวนใจ

ล้างแอร์ กี่เดือน ถึงจะพอดี?

แอร์ในบ้านแต่ละที่มีเงื่อนไขการใช้งานที่ต่างกัน การกำหนดระยะเวลาล้างแอร์จึงควรดูจากหลายปัจจัย เช่น ความถี่ในการเปิด สภาพแวดล้อม และ ลักษณะการใช้งาน

1. เปิดแอร์ทุกวัน

ถ้าบ้านของคุณเปิดแอร์ทุกวัน ไม่ว่าจะกลางวัน หรือ กลางคืน ควรล้างแอร์ทุก 3-4 เดือน เพราะการใช้งานต่อเนื่องทำให้ฝุ่นสะสมได้ไว หากปล่อยไว้นานเกินไป อาจทำให้แอร์เย็นช้าหรือเสียงดัง

2. เปิดแอร์เป็นบางเวลา

สำหรับบ้านที่เปิดแอร์เฉพาะช่วงเย็นหรือเฉพาะวันหยุด สามารถล้างแอร์ทุก 6 เดือน ได้ แต่อย่าลืมว่าฝุ่นในอากาศยังคงสะสมอยู่ แม้จะใช้งานไม่บ่อย

3. แอร์ในพื้นที่มีฝุ่นหรือสัตว์เลี้ยง

ถ้าบ้านอยู่ใกล้ถนนใหญ่ มีการก่อสร้าง หรือ มีสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว ควรล้างแอร์ทุก 2-3 เดือน เพราะฝุ่น และ ขนสัตว์สามารถอุดตันแอร์ได้เร็ว

4. แอร์สำนักงานหรือร้านค้า

ในสถานที่ที่มีคนใช้งานจำนวนมาก หรือ เปิดแอร์ทั้งวัน เช่น สำนักงานหรือร้านค้า ควรล้างทุก 2 เดือน เพื่อรักษาความเย็น และ ลดปัญหาการทำงานหนักของเครื่อง

สัญญาณเตือนว่าควรล้างแอร์ได้แล้ว

ถ้าไม่แน่ใจว่าแอร์ของคุณถึงเวลาล้างหรือยัง ลองสังเกตจากสิ่งเหล่านี้:

  • แอร์เย็นช้าลง เปิดนานแค่ไหนก็ไม่เย็นเหมือนเดิม
  • มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นอับหรือกลิ่นแปลก ๆ อาจเกิดจากเชื้อรา หรือ สิ่งสกปรกในคอยล์
  • น้ำหยดจากตัวเครื่อง ท่อน้ำทิ้งอุดตันทำให้น้ำหยดออกมา
  • เสียงดังผิดปกติ พัดลม หรือ คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไปเพราะฝุ่นอุดตัน

ขั้นตอนการดูแลแอร์เบื้องต้น

แม้จะล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ การดูแลแอร์เบื้องต้นก็สำคัญไม่แพ้กัน

  1. ล้างแผ่นกรองอากาศ ถอดแผ่นกรองมาล้างด้วยน้ำสะอาดทุก 2 สัปดาห์ จะช่วยลดฝุ่นที่สะสม
  2. ดูแลพื้นที่รอบแอร์ หลีกเลี่ยงการวางของ หรือ กีดขวางช่องลม
  3. เปิดพัดลมระบายอากาศ ช่วยให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
  4. ตรวจสอบระบบไฟฟ้า หากพบความผิดปกติ เช่น สายไฟร้อนเกินไป ควรเรียกช่างมาตรวจสอบทันที

เทคนิคการเลือกช่างล้างแอร์

การเลือกช่างล้างแอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ และ เชื่อถือได้ โดยสามารถดูรีวิวจากผู้ใช้บริการ หรือ สอบถามคนรู้จัก นอกจากนี้ควรสอบถามราคาล่วงหน้าเพื่อป้องกันปัญหาค่าใช้จ่ายเกินความคาดหมาย

  • เช็ครีวิวออนไลน์ ดูคะแนน และ ความคิดเห็นจากลูกค้าเก่า
  • ตรวจสอบความชำนาญ เลือกช่างที่มีประสบการณ์ตรงกับประเภทแอร์ของคุณ
  • สอบถามแพ็กเกจบริการ บางที่มีโปรโมชั่น หรือ แพ็กเกจล้างแอร์ที่คุ้มค่า

สรุป

การล้างแอร์ไม่ใช่แค่การทำให้แอร์สะอาด แต่ยังช่วยเพิ่มความเย็น ลดค่าไฟ และ ยืดอายุการใช้งาน การล้างแอร์ทุก 3-6 เดือนตามลักษณะการใช้งานจะช่วยให้คุณประหยัดเงินในระยะยาว และ รักษาสุขภาพของคนในบ้านไปพร้อมกัน อย่ารอให้แอร์เสีย หรือ กลิ่นไม่โอเคก่อนล้าง เพราะการดูแลล่วงหน้าช่วยป้องกันปัญหาได้ดีกว่าการซ่อมทีหลังเสมอ

ดูแลแอร์ให้เหมือนดูแลตัวเอง แล้วความเย็นสบายจะอยู่กับคุณไปอีกนาน

ติดตามข่าวสารล่าสุด โปรโมชั่นและเคล็ดลับดีๆที่ช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น จาก bTaskee

The application is currently deployed in Thailand Vietnam

download-asker-btaskee-ver-3

Book a home cleaning task
right away

Download, register and experience exciting features only available on bTaskee App – On-demand Home Services