การล้างแอร์เป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม แต่รู้ไหมว่ามันมีผลต่อทั้งสุขภาพ และ เงินในกระเป๋ามากกว่าที่คิด! ลองนึกภาพแอร์ที่เปิดกันทุกวัน แต่ไม่ได้ทำความสะอาดเลย ฝุ่น เชื้อโรค และ กลิ่นไม่พึงประสงค์อาจทำให้ความเย็นที่เคยสบายกลายเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นการดูแลแอร์ให้สะอาดอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม มาดูกันว่าควร ล้างแอร์ กี่เดือน และ บ่อยแค่ไหน ต้องทำอะไรบ้างเพื่อรักษาความเย็นสบายในบ้านของเรา
ทำไมต้องล้างแอร์?
ก่อนอื่นเลย การล้างแอร์ไม่ได้เป็นเพียงการทำให้แอร์เย็นขึ้นเท่านั้น แต่ ยังช่วยในหลาย ๆ ด้าน เช่น
- ลดฝุ่นและเชื้อโรค แอร์ที่ไม่ได้ล้างจะสะสมฝุ่น เชื้อรา และ เชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น อาการภูมิแพ้ หรือ ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
- ช่วยประหยัดค่าไฟ แอร์ที่สะอาดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ใช้พลังงานน้อยลง และ ช่วยลดค่าไฟได้ในระยะยาว
- ยืดอายุการใช้งานของแอร์ การดูแลแอร์อย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันปัญหาที่อาจทำให้ต้องซ่อมแซม หรือ เปลี่ยนแอร์ใหม่เร็วเกินไป
- เพิ่มความเย็นสบาย แอร์ที่สะอาดจะทำความเย็นได้ดีขึ้น ไม่มีปัญหาลมอ่อน หรือ กลิ่นไม่พึงประสงค์มากวนใจ
ล้างแอร์ กี่เดือน ถึงจะพอดี?
แอร์ในบ้านแต่ละที่มีเงื่อนไขการใช้งานที่ต่างกัน การกำหนดระยะเวลาล้างแอร์จึงควรดูจากหลายปัจจัย เช่น ความถี่ในการเปิด สภาพแวดล้อม และ ลักษณะการใช้งาน
1. เปิดแอร์ทุกวัน
ถ้าบ้านของคุณเปิดแอร์ทุกวัน ไม่ว่าจะกลางวัน หรือ กลางคืน ควรล้างแอร์ทุก 3-4 เดือน เพราะการใช้งานต่อเนื่องทำให้ฝุ่นสะสมได้ไว หากปล่อยไว้นานเกินไป อาจทำให้แอร์เย็นช้าหรือเสียงดัง
2. เปิดแอร์เป็นบางเวลา
สำหรับบ้านที่เปิดแอร์เฉพาะช่วงเย็นหรือเฉพาะวันหยุด สามารถล้างแอร์ทุก 6 เดือน ได้ แต่อย่าลืมว่าฝุ่นในอากาศยังคงสะสมอยู่ แม้จะใช้งานไม่บ่อย
3. แอร์ในพื้นที่มีฝุ่นหรือสัตว์เลี้ยง
ถ้าบ้านอยู่ใกล้ถนนใหญ่ มีการก่อสร้าง หรือ มีสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว ควรล้างแอร์ทุก 2-3 เดือน เพราะฝุ่น และ ขนสัตว์สามารถอุดตันแอร์ได้เร็ว
4. แอร์สำนักงานหรือร้านค้า
ในสถานที่ที่มีคนใช้งานจำนวนมาก หรือ เปิดแอร์ทั้งวัน เช่น สำนักงานหรือร้านค้า ควรล้างทุก 2 เดือน เพื่อรักษาความเย็น และ ลดปัญหาการทำงานหนักของเครื่อง
สัญญาณเตือนว่าควรล้างแอร์ได้แล้ว
ถ้าไม่แน่ใจว่าแอร์ของคุณถึงเวลาล้างหรือยัง ลองสังเกตจากสิ่งเหล่านี้:
- แอร์เย็นช้าลง เปิดนานแค่ไหนก็ไม่เย็นเหมือนเดิม
- มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นอับหรือกลิ่นแปลก ๆ อาจเกิดจากเชื้อรา หรือ สิ่งสกปรกในคอยล์
- น้ำหยดจากตัวเครื่อง ท่อน้ำทิ้งอุดตันทำให้น้ำหยดออกมา
- เสียงดังผิดปกติ พัดลม หรือ คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไปเพราะฝุ่นอุดตัน
ขั้นตอนการดูแลแอร์เบื้องต้น
แม้จะล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ การดูแลแอร์เบื้องต้นก็สำคัญไม่แพ้กัน
- ล้างแผ่นกรองอากาศ ถอดแผ่นกรองมาล้างด้วยน้ำสะอาดทุก 2 สัปดาห์ จะช่วยลดฝุ่นที่สะสม
- ดูแลพื้นที่รอบแอร์ หลีกเลี่ยงการวางของ หรือ กีดขวางช่องลม
- เปิดพัดลมระบายอากาศ ช่วยให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
- ตรวจสอบระบบไฟฟ้า หากพบความผิดปกติ เช่น สายไฟร้อนเกินไป ควรเรียกช่างมาตรวจสอบทันที
เทคนิคการเลือกช่างล้างแอร์
การเลือกช่างล้างแอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ และ เชื่อถือได้ โดยสามารถดูรีวิวจากผู้ใช้บริการ หรือ สอบถามคนรู้จัก นอกจากนี้ควรสอบถามราคาล่วงหน้าเพื่อป้องกันปัญหาค่าใช้จ่ายเกินความคาดหมาย
- เช็ครีวิวออนไลน์ ดูคะแนน และ ความคิดเห็นจากลูกค้าเก่า
- ตรวจสอบความชำนาญ เลือกช่างที่มีประสบการณ์ตรงกับประเภทแอร์ของคุณ
- สอบถามแพ็กเกจบริการ บางที่มีโปรโมชั่น หรือ แพ็กเกจล้างแอร์ที่คุ้มค่า
สรุป
การล้างแอร์ไม่ใช่แค่การทำให้แอร์สะอาด แต่ยังช่วยเพิ่มความเย็น ลดค่าไฟ และ ยืดอายุการใช้งาน การล้างแอร์ทุก 3-6 เดือนตามลักษณะการใช้งานจะช่วยให้คุณประหยัดเงินในระยะยาว และ รักษาสุขภาพของคนในบ้านไปพร้อมกัน อย่ารอให้แอร์เสีย หรือ กลิ่นไม่โอเคก่อนล้าง เพราะการดูแลล่วงหน้าช่วยป้องกันปัญหาได้ดีกว่าการซ่อมทีหลังเสมอ
ดูแลแอร์ให้เหมือนดูแลตัวเอง แล้วความเย็นสบายจะอยู่กับคุณไปอีกนาน