นับเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เข้ามามีบทบาทกับชีวิต จนทำให้เกิดผลกระทบต่างๆ เช่น ไม่สามารถออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ ใช้ชีวิตข้างนอกได้ลำบากขึ้น ต้องพกหน้ากากอนามัยชนิดพิเศษ โดยเฉพาะสุขภาพ หลายคนมีอาการหายใจติดขัด บางรายถึงขั้นต้องพบแพทย์ ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีท่าทีจะไม่เบาลงเสียด้วยสิ? ฉะนั้นการมาของ ‘เครื่องกรองอากาศ’ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้สุขภาพอากาศในบ้านดีขึ้น แต่จะซื้ออย่างไรให้คุ้มค่า bTaskee มีเคล็ดลับ 5 ข้อง่ายๆ ในการเลือกมาฝาก!
1. ขนาดห้อง
ตอบตัวเองให้ได้ว่าเราต้องการซื้อเครื่องกรองอากาศไปตั้งไว้ส่วนไหนของบ้าน ห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น และห้องนั้นมีขนาดเท่าไร จากนั้นไปดูคุณสมบัติของเครื่องว่ารองรับห้องขนาดใดบ้าง ซึ่งเครื่องกรองอากาศขนาดเล็กส่วนใหญ่ จะทำงานได้ดีในพื้นที่ 20 – 25 ตารางเมตร
2. ชนิดแผ่นกรอง
ข้อนี้สำคัญมาก! ต้องเช็คว่ากรองอากาศได้เล็กที่สุดขนาดกี่ไมครอน ซึ่งพี่บีแนะนำว่าใช้แผ่นกรองอากาศ HEPA ก็เพียงพอค่ะ เนื่องจากราคาเหมาะสมและกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ หากต้องการแผ่นกรองอากาศพิเศษ (ชนิดดูดกลิ่น ดูดสารพิษ) ก็สามารถเลือกได้เช่นกัน แต่ต้องดูว่าตอบโจทย์การใช้งานของเราหรือไม่ จุดประสงค์หลักในการซื้อคืออะไร เพราะราคาจะสูงขึ้นตามการใช้งานที่เราต้องการค่ะ
3. เช็คค่า Air flow และค่า CADR
ความเร็วในการกรองอากาศก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูนะ! การสังเกตค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) หรืออัตราการเปลี่ยนถ่ายอากาศ หมายความว่าค่านี้จะบอกปริมาณอากาศที่ฟอกแล้ว ไม่ใช่อากาศที่ผ่านเข้าไปโดยยังไม่ได้ฟอก ซึ่งเครื่องจะอ่านค่าออกมาเป็นหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ก็จะทำให้เราสามารถเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศได้ง่ายขึ้น ยิ่งมีตัวเลขสูงก็จะยิ่งกรองอากาศได้ดี และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ได้เร็วยิ่งขึ้น
4. มีฉลากประหยัดไฟ
เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มักเปิดต่อเนื่องมากกว่า 6-8 ชั่วโมง ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็ต้องมาควบคู่ หรือดูว่าเครื่องนั้นมีระบบประหยัดพลังงาน หรือตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติได้หรือไม่
5. ราคาและบริการหลังการขาย
ดูงบประมาณในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองว่าไหวที่เท่าไหร่ ภายใน 1 ปีเราจะใช้เครื่องนี้ทุกวันไหม? เงินที่เราลงทุนไปคุ้มค่าพอกับสุขภาพที่เราได้กลับมาหรือเปล่า? และมีราคาโปรโมชั่นไหม? จากนั้นให้ดูบริการหลังการขายของยี่ห้อนั้นๆ จะทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นจ้า
อย่างไรก็ดีการเลือกซื้อ เครื่องกรองอากาศ อาจเป็นเพียงอีกหนึ่งหนทางที่ขจัดปัญหาฝุ่นที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ แต่การทำให้บ้านของเราอากาศปลอดโปร่งได้ยั่งยืนนั้นล้วนมาจากการที่เราหมั่นทำความสะอาดบ้าน ไม่ว่าจะทำเองหรือจ้างแม่บ้านออนไลน์ก็ตาม เราต้องขยันดูแลให้พื้นที่ที่เรารักน่าอยู่ ไร้ฝุ่นและความสกปรก!